วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2550

นักเรียนนายร้อยสิงคโปร์

ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผมชื่อ ว่าที่ ร.ต.ปิยะพงษ์ ญาติประทุม ผมได้รับทุนความช่วยเหลือทางทหารของประเทศสิงคโปร์ ให้ไปศึกษาในหลักสูตร Officer Cadet Course (Engineer) ณ โรงเรียนนายร้อยสิงคโปร์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถาบันทางทหารของประเทศสิงคโปร์ที่เรียกว่า SAFTI MI (Singapore Arm Forces Training Military Institute) บางท่านอาจจะสงสัยว่าไปเ้ข้าร่วมคอร์สนี้ได้อย่างไร ผมขอเล่าถึงรายละเอียดการรับสมัครครับ โดยเริ่มแรก ยศ.ทบ. จะประกาศรับสมัครกำลังพลชายในกองทัพบก อายุไมเกิน ๒๗ ปีบริบูรณ์(นับจากวันเดินทางไปศึกษา) จบการศึกษาระดับปริญญาตรีทุกสาขา เพื่อเข้าทำการทดสอบภาษาอังกฤษ ซึ่งจะทำการทดสอบในเดือนตุลาคมของทุกปี โดยจะทำการสอบรวมกันทั้งหมดของผู้ที่สมัครไปศึกษาต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทุนความช่วยเหลือทางทหาร หรือทุนส่วนตัว ซึ่งจะ้ต้องผ่านเกณฑ์ ๗๐% หากมีผู้สอบผ่านมากกว่าที่กำหนดจะต้องสอบแข่งขันในวิชาเหล่าต่อไป สำหรับหลักสูตรนักเรียนนายร้อยสิงคโปร์นั้น กห.สิงคโปร์ จะสนับสนุนทุนการศึกษาปีละ ๒ ทุน แบ่งเป็น ทุนทหารราบ (Infantry) และ ทุนทหารช่าง (Engineer) โดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาจะได้เข้ารับการอบรมภาษาอังกฤษก่อนที่จะเดินทางไปศึกษา เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ และทักษะด้านภาษาอังกฤษให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้จะได้รับตั๋วเครื่องบินเดินทางไปกลับกรุงเทพ - สิงคโปร์ โดยสายการบินของสิงคโปร์แอร์ไลน์ ในระหว่างศึกษาจะได้รับเงินเดือนๆ ละ ๓๗๐ เหรียญดอลล่าร์สิงคโปร์หรือประมาณ ๘,๐๐๐ บาท มีอาหาร.ที่พัก และเครื่องแบบที่ใช้ในการฝึกศึกษาฟรีตลอดหลักสูตร ผมเดินทางในวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ และเดินทางกลับในวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๐ รวมระยะเวลาในการศึกษาตลอดหลักสูตร ๔๐ สัปดาห์ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสไปศึกษาในต่างประเทศ ผมขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมืองเที่ยวบินที่ SQ 065 บินตรงไปยังสนามบินของประเทศสิงคโปร์ที่เรียกว่า Changi ใช้เวลาโดยประมาณ ๒ ชั่วโมง ทันทีที่เครื่องบินลงจอดกระผมก็เดินออกจากเครื่องบินไปรับกระเป๋า แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปรับที่ไหนจึงเดินเข้าไปถามพนักงาน ในตอนนั้นผมไม่รู้จะถามว่าอย่างไรดี เพราะภาษาอังกฤษของผมยังไม่ดีนัก แต่โชคดีที่ผมเรียนภาษาจีนกลางมาบ้างนิดหน่อยจึงทำให้ผมใช้ชีวิตในสิงคโปร์ไม่ลำบากมากนัก เพราะ ๗๐% ของชาวสิงคโปร์มีเชื้อสายจีน เมื่อเดินถึงประตูทางออกก็มีทหารสิงคโปร์มารอรับ ๒ นาย ชั้นยศพันตรี และร้อยโท จากนั้นก็พาผมนั่งรถยนต์ไปที่โรงเรียนนายร้อย(Officer Cadet School) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศสิงคโปร์ ในห้วง ๒ สัปดาห์แรกจะเป็นการปรับสภาพของนักเรียนต่างชาติที่เข้าร่วมศึกษา ซึ่งก็จะมีการฝึกเบื้องต้น บุคคลท่ามือเปล่า และท่าอาวุธ รวมทั้งการใช้คำบอกคำสั่ง ซึ่งทหารสิงคโปร์จะใช้คำบอกคำสั่งเป็นภาษามาเลเซีย เนื่องจากชาวมาเลย์เป็นชนชาติแรกที่อพยพมาอยู่ก่อน ส่วนภาษาราชการคือภาษาอังกฤษ เมื่อกระผมไปถึง รร.นายร้อย ก็ได้รู้จักกับเพื่อนๆ ชาวบรูไน จำนวน ๗ คน เป็นทหารบก ๕ คน และทหารเรือ ๒ คน ที่ รร.นายร้อยสิงคโปร์มีทั้งหมด ๑๒ กองร้อย ประกอบด้วย กองร้อยของทหารบก จำนวน ๑๐ กองร้อย Alpha, Bravo, Charlie, Delta, Echo, Foxtrot, Golf, Hotel, Sierra, Tango กองร้อยทหารเรือ จำนวน ๑ กองร้อย Mid Wing และกองร้อยทหารอากาศ จำนวน ๑ กองร้อย Air Wing รุ่นของผมคือรุ่นที่ 65/06 มีนักเรียนนายร้อยทั้งหมด ๔๓๐ คน (นนร.หญิง จำนวน ๙ คน) สำหรับการรับ นนร. เข้าศึกษานั้น ๑ ปี จะรับ นนร. เข้าศึกษาจำนวน ๔ รุ่น โดยจะเปิดรับ ๓ เดือน ๑ ครั้ง รวม ๔ ครั้ง/ปี คือเดือนมีนาคม, เดือนมิถุนายน, เดือนกันยายน และเดือนธันวาคม กองร้อยของผม คือ Alpha Wing มี ผบ.ร้อย ชื่อ พ.ต.ออง ชู มิง การศึกษาจะแบ่งออกเป็น ๓ เทอม คือ Service Term ระยะเวลา ๑๔ สัปดาห์ , Professional Termระยะเวลา ๒๑ สัปดาห์ และ Joint Term ระยะเวลา ๓ สัปดาห์